การคำนวณปริมาณการไหลของน้ำจากสูตร Manning Formula S
User Manual: manual pdf -FilePursuit
Open the PDF directly: View PDF .
Page Count: 18
ก
คูมือ
การประเมินคาปริมาณการไหลของน้ํา
ดวยวิธี Manning’s formula
กลุมงานสารสนเทศและพยากรณน้ํา
สวนอุทกวิทยา
สํานักอุทกวิทยาและบริหารน้ํา
พฤษภาคม 2553
ข
สารบัญ
เรื่อง หนา
1.คํานํา 1
2.การคํานวณปริมาณการไหลของน้ําจากสูตร Manning‘s Formula 2
3.กรณีที่ 1. สํารวจหาความลาดชันผิวน้ําจากคราบระดับน้ําสูงสุดได 3
4.กรณีที่ 2 ไมไดสํารวจหาคาความลาดชันผิวน้ํา 5
5.หลักการประเมินคาสัมประสิทธิ์ความขรุขระ ( n ) 7
6.ตารางคาสัมประสิทธิ์ความขรุขระ n ในสมการ Manning’s formula 8-9
7.รูปประกอบ Manning’s formula 11-16
1
คํานํา
การสํารวจปริมาณน้ําไดถูกเพิ่มความสําคัญมากขึ้นในรูปแบบหลากหลายภารกิจ ถูกนําไปใช
ในดานฐานขอมูล รายงานสภาพน้ํา การพยากรณปริมาณน้ําและการแจงเตือนภัย การสํารวจที่ดี
ยอมทําใหขอมูลไดรับการยอมรับและนาเชื่อถือตอสํานักอุทกวิทยาและบริหารน้ําโดยรวม ดังนั้นการ
สํารวจปริมาณน้ําเพื่อสรางเสนโคงปริมาณน้ํา (Rating Curve) จึงเปนงานที่ตองใชความพยายาม
และอุตสาหะอยางมากในการเก็บขอมูลการสํารวจปริมาณน้ํา แตขอจํากัดดานจํานวนสถานีที่
รับผิดชอบและเวลาในการสํารวจปริมาณน้ําที่เรงรีบ เพื่อใหทันตอการสํารวจ ทําใหบางสถานีไม
สามารถทําการสํารวจปริมาณน้ําสูงสุดหรือในระดับน้ําสูงได เปนผลทําใหสรางเสนโคงปริมาณน้ํา
ของสถานีที่ไมมีจุดสํารวจปริมาณน้ําสูงสุดยากลําบากมากขึ้น การใชการประเมินการไหลของน้ําดวย
สูตรแมนนิ่ง (Manning ‘s Formula) เปนวิธีการหนึ่งในการแกปญหาการสํารวจปริมาณน้ําสูงสุด
ไมได ซึ่งผูจัดทําคูมือหวังวา คูมือเลมน้ําจะเปนประโยชนตอเจาหนาที่ในการแกปญหาที่เกิดขึ้นได
กลุมงานสารสนเทศและพยากรณน้ํา
สวนอุทกวิทยา
สํานักอุทกวิทยาและบริหารน้ํา
พฤษภาคม 2553
2
การคํานวณปริมาณการไหลของน้ําจากสูตร Manning‘s Formula
สูตรแมนนิ่ง (Manning’s formula) เปนวิธีการใชหลักพลังงาน (Principle of energy) ในการ
ประมวลหาคาความเร็วเฉลี่ยของลําน้ํา การคํานวณจะตองใชขอมูลหรือวัดความลาดเทของผิวน้ําตาม
แนวลําน้ําเพื่อใชเปนคาประมาณของความลาดชันของพลังงาน หรือ Energy gradient เปนสูตรที่
นิยมใชคํานวณคาความเร็วเฉลี่ย
2
1
3
2
1SR
n
v ระบบเมตริก
2
1
3
2
49.1 SR
n
v ระบบอังกฤษ
เมื่อ v = คาความเร็วเฉลี่ย เมตร/วินาที
n = คาสัมประสิทธิ์ความขรุขระของทองน้ํา
R = คารัศมีชลศาสตรที่หาไดจากคา P
A เมตร
A = พื้นรูปตัดลําน้ํา ตารางเมตร
P = ความยาวเสนขอบเปยก เมตร
S = ความลาดชันผิวน้ํา
โดยที่ พื้นที่รูปตัด เสนขอบเปยกและความลาดชันผิวน้ํา หาไดจากการสํารวจภายหลังที่
ปริมาณน้ําสูงสุดผานไปแลว ซึ่งสังเกตไดจากคราบของระดับน้ําสูงสุด
ในคูมือเลมนี้การใชสูตรแมนนิ่ง(Manning) จะพิจารณา 2 กรณีคือ
1. กรณีที่สํารวจหาความลาดชันผิวน้ําจากคราบน้ําสูงสุดได
2. กรณีไมไดสํารวจหาคาความลาดชันผิวน้ํา
3
กรณีที่ 1. สํารวจหาความลาดชันผิวน้ําจากคราบระดับน้ําสูงสุดได
ตัวอยาง บานกุยมั่ง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี (K.60) จุดสํารวจน้ําสูงสุดที่สํารวจได (อท.
02) ในป 2008 คือ 10 ส.ค. 2551 ที่ระดับน้ํา 75.705 เมตร(รทก.) เวลาสํารวจ 16.15 –
16.30 ความกวางผิวน้ํา 15.37เมตร พื้นที่รูปตัด 23.151 ม.2 ความเร็วเฉลี่ย 0.609 เมตร/วินาที
ปริมาณน้ํา 14.09 เมตร3/วินาที
(สมมุติ) ชางสํารวจไดทําการเดินระดับคราบน้ําสูงสุดที่ 77.83 เมตร (รทก.) ไดคาความ
ลาดชันผิวน้ํา 1: 380
และสรุปขอมูลดังนี้
ความลาดชันผิวน้ํา (S) = 0.002632 (1:380) (จากการสํารวจ (สมมุติ))
พื้นที่รูปตัด (A) = 70.486 ม.2 (จากการคํานวณหนา 14)
เสนขอบเปยก (P) = 29.713 เมตร (จากการคํานวณหนา 14)
คาสัมประสิทธิ์ความขรุขระ”n” = 0.1 (ประเมินจากรูปตัดขวางและตารางคา”n”)
รัศมีชลศาสตร ( P
A) = 2.37722 เมตร
แทนคาในสูตร 2
1
3
2
1SR
n
v
2
1
3
2
)002632.0()
713.29
486.70
(
1.0
1xxv
2
1
3
2
)002632.0()37722.2(10 xxv
914.0v เมตร/วินาที
จาก Q = A·V = 70.486 x 0.914
= 64.42 ลูกบาศกเมตร /วินาที
หากตองการหาคา”n” กอน สามารถหาไดจากสูตรดังนี้
2
1
3
2
1SR
v
n
v = 0.609 เมตร/วินาที (จาก อท.02)
A = 23.151 เมตร2 (จาก อท.02)
P = 18.559 เมตร (จากการคํานวณหนา 13)
S = 0.002632 (ไดจากการเก็บคราบระดับน้ํา)
R = 23.151/18.559 = 2.37722
4
แทนคา
2
1
3
2
)002632.0()37722.2(
609.0
1xxn
0513.07817.1642.1 xxn
150.0
n
จากนั้นนําคา n ไปแทนคาในสูตร 2
1
3
2
1SR
n
v โดย n ที่ไดตองมีการปรับลดลงเล็กนอย
เนื่องจากวัชพืช หรือสิ่งกีดขวางในลําน้ํากอนเกิดปริมาณน้ําสูงสุด ไดถูกทําใหราบเรียบโดยปริมาณ
น้ําที่ไหลกอนเกิดปริมาณน้ําสูงสุดแลว
โดย A = 70.486 (จากการคํานวณหนา 14)
P = 29.713 (จากการคํานวณหนา 14)
n = 0.12 (คํานวณและปรับลดแลว)
S = 0.002632 (จากการเก็บคราบระดับน้ํา)
R = 2.37222
แทนคาในสูตร 2
1
3
2
)002632.0()37222.2(
12.0
1xxv
0513.07792.1333.8 xxv
761.0v
จาก Q = A.V = 70.486 x 0.761
= 53.64 เมตร3/วินาที
5
กรณีที่ 2 ไมไดสํารวจหาคาความลาดชันผิวน้ํา
ตัวอยาง กรณีตัวอยาง K.60 สถานีบานกุยมั่ง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี โดยจุดสํารวจ
ปริมาณน้ําสูงสุดที่สํารวจไดในป 2008 คือ วันที่ 10 ส.ค. 2551 ที่ระดับน้ํา 75.705 เมตร(รทก.)
เวลาสํารวจ 16.15 – 16.30 ความกวางผิวน้ํา 15.37 เมตร พื้นที่รูปตัด 23.151 ม.2 ความเร็ว
เฉลี่ย 0.609 เมตร/วินาที และปริมาณน้ําที่ได 14.09 ม.3/วินาที
1. จากผลการสํารวจดังกลาวสามารถหาคาตางๆ ไดดังนี้
ความลาดเทลําน้ํา(S) = ยังไมทราบคา
พื้นที่รูปตัด(A) = 23.151 ม.2 (จาก อท.02)
ความยาวเสนขอบเปยก(P) = 18.559 เมตร (จากการคํานวณหนา 13)
ความเร็วเฉลี่ย(v) = 0.609 เมตร/วินาที
คารัศมีชลศาสตร(R) = 23.151/18.559 = 1.2474
คาสัมประสิทธิ์ความขรุขระ(n)
0.1 (ดูรูปประกอบหนา 12 และตารางคา n )
คาสัมประสิทธิ์ความขรุขระเมื่อพิจารณาจากรูปตัด (รูปประกอบหนา 12) จะพบวาดานทาย
แนวสํารวจมีวัชพืชและตนไมขึ้นเปนจํานวนมากดังนั้นเมื่อพิจารณาจากตารางคาสัมประสิทธิ์ความ
ขรุขระจะไดคาประมาณ 0.10 – 0.12
แทนคาในสูตร 2
1
3
2
1SR
n
v
2
1
3
2
/).( SRnv
2
1
2474.1/)1.0609.0( Sx
2
2
1
2)()04882.0( S
S = 0.002383
Slope = 1: 419
2. นําคาความลาดเทที่คํานวณไดไปแทนคาในสูตรแมนนิ่งที่ระดับน้ําสูงสุด(Peak)ในกรณี
นี้คือ สถานี K.60 สถานีบานกุยมั่ง อ.ทองผาภูมิ จ.กายจนบุรี ระดับน้ําสูงสุดเวลา16.00 น. ที่
77.83 เมตร (รทก.)
คา A ที่ระดับ 77.83 ม. = 70.486 ม.2 (จากการคํานวณหนา 14)
คา P ที่ระดับ 77.83 ม. = 29.713 ม. (จากการคํานวณหนา 14)
คา n ที่ระดับ 77.83 ม. = 0.1 (จากการประเมินคา)
คา S ที่ระดับ 77.83 ม. = 0.002383 (ผลการคํานวณขอ 1)
คา R = A/P = 3.57561 ม.
แทนคาในสูตร 2
1
3
2
1SR
n
v
6
2
1
3
2
)002383.0()57561.3(
1.0
1xv
04881.03393.210 xxv
142.1v
จาก Q = A·V Q = 70.486 x 1.142
Q = 80.40 ม.3/วินาที
7
หลักการประเมินคาสัมประสิทธิ์ความขรุขระ ( n )
จากการวิจัยพบวาสัมประสิทธิ์ความขรุขระแมนนิ่งขึ้นอยูกับปจจัยหลายประการและปจจัย
เหลานี้ยังมีความสัมพันธเกี่ยวเนื่องกันอีกดวย ซึ่งปจจัยตางๆ มีดังตอไปนี้
1. ความขรุขระของผิวหนาทางน้ํา ซึ่งขึ้นอยูกับขนาดและรูปรางของวัสดุที่นํามาใชสราง
ผิวหนาทางน้ํา โดยวัสดุที่มีเม็ดละเอียดก็จะใหคา n ต่ํา และวัสดุที่มีเม็ดหยาบก็จะใหคา
n สูง ความขรุขระของผิวหนาทางน้ําเปนปจจัยสําคัญในการกําหนดคา n
2. พืชที่ขึ้นปกคลุมทางน้ํา เชน หญา ซึ่งจะมีผลทําใหเกิดการตานการไหลและจะลดอัตรา
การไหล ผลของพืชที่ขึ้นปกคลุมจะมากหรือนอยขึ้นอยูกับ ความสูง ความหนาแนน การ
กระจายและชนิดของพืช
3. ความไมสม่ําเสมอของทางน้ํา ในทางน้ําธรรมชาติความไมสม่ําเสมอของทางน้ําจะ
เกิดขึ้นจากหาดทราย หลุมและบอในทองคลอง เปนตน จากการวิจัยพบวา ถาทางน้ํา
นั้นคอยๆ เปลี่ยนแปลงทีละนอยอยางสม่ําเสมอไมวาการเปลี่ยนแปลงนั้นจะเปนการ
เปลี่ยนแปลงขนาดรูปรางหรือหนาตัดการไหล จะไมมีผลกระทบตอการเปลี่ยนแปลงคา
n มากนัก แตถาการเปลี่ยนแปลงนั้นเปนการเปลี่ยนอยางฉับพลันก็จะมีผลกระทบตอ
การเปลี่ยนแปลงคา n อยางมาก
4. แนวทางน้ํา ทางน้ําที่มีรัศมีสวนโคงของแนวทางน้ํามากและสวนโคงนั้น ราบเรียบจะมี
ผลตอการเปลี่ยนแปลงคา n นอยมาก แตถาทางน้ํานั้นมีรัศมีสวนโคงของแนวทางน้ํา
นอยหรือเปนโคงหักขอศอกและโคงกลับไปกลับมา จะทําใหคา n มีคาเพิ่มขึ้นอยางมาก
ซึ่งบางครั้งอาจจะเพิ่มคา n ไดถึง 30% นายสโคบี (Scobey) ไดทําการทดลองในราง
น้ํา (flume) พบวา n จะมีคาเพิ่มขึ้น 0.001 ถารางน้ําเบี่ยงเบนไปเปนมุม 20 องศา
และความยาวของรางน้ํา 30 เมตร
5. การกัดเซาะและการตกตะกอน จากการทดลองพบวา การตกตะกอนจะทําใหทางน้ําที่
ไมสม่ําเสมอเปลี่ยนมาเสมอตนเสมอปลายและคา n จะลดลงในทางตรงกันขาม ถาเกิด
การกัดเซาะก็จะทําใหทางน้ําไมสม่ําเสมอและคาของ n จะเพิ่มขึ้น อยางไรก็ตาม การ
ตกตะกอนจะขึ้นอยูกับขนาดและชนิดของวัสดุที่ปะปนกับน้ําและทําใหลักษณะการ
ตกตะกอนแตกตางกัน เชน การตะกอนทําใหเกิดสันทรายก็จะเพิ่มคา n เปนตน
6. สิ่งกีดขวาง สิ่งกีดขวางทางน้ํา เชน ตอหมอสะพาน จะทําให n มีคาเพิ่มขึ้น การเพิ่มคา
n จะมากหรือนอยขึ้นอยูกับชนิด ขนาด รูปราง ปริมาณและการจัดวางตัวของสิ่งกีดขวาง
7. ความลึกการไหลและอัตราการไหล โดยทั่วไปทางน้ําจะมีคา n ลดลง เมื่อความลึกการ
ไหลและอัตราการไหลมีคามากขึ้น ที่เปนเชนนี้อธิบายไดวา เมื่อทางน้ํามีความลึกการ
ไหลนอย ความไมสม่ําเสมอของทองคลองจะทําใหมีบางสวนโผลขึ้นมาทําให n มีคามาก
อยางไรก็ตาม ทางน้ําอาจจะมีคา n เพิ่มขึ้น เมื่อความลึกการไหลและอัตราการไหลมีคา
มากขึ้นก็ได ถาลาดตลิ่งของทางน้ําขรุขระ และมีหญาขึ้นรกรุงรัง
8
ตารางคาสัมประสิทธิ์ความขรุขระ n ในสมการ Manning’s formula
ชนิดและลักษณะทางน้ํา ต่ําสุด ปาน
กลาง
สูงสุด
1. ทางน้ําธรรมชาติ
1.1 ลําน้ํายอย ( ความกวางผิวน้ําที่เกิดอุทกภัย 100 ฟุต )
1.1.1 ลําน้ําบนที่ราบ
1.1.1.1 สะอาด ตรง ระดับสูง ไมมีแยกและบอลึก
1.1.1.2 เหมือนขอแรกแตมีหินและวัชพืชมากกวา
1.1.1.3 สะอาด คดเคี้ยว มีบอและแกงใตน้ํา
1.1.1.4 เหมือนขอ 2.1.1.3 แตมีวัชพืชและหิน
1.1.1.5 เหมือนขอ 2.1.1.4 แตระดับต่ํากวาความลาดเท
และรูปตัดไมแนนอน
1.1.1.6 เหมือนขอ 2.1.1.4 แตมีหินมากกวา
1.1.1.7 ชวงที่ไหลชา วัชพืช บอลึก
1.1.1.8 ชวงที่มีวัชพืชมาก บอลึกหรือทางอุทกภัยที่มี
ตนไม
1.1.2 ลําน้ําในหุบเขาไมมีวัชพืชในทางน้ํา ตลิ่งลาดชัน
ตนไมและพุมไมตามตลิ่งอยูใตน้ําที่ระดับการไหลสูง
1.1.2.1 กน : กรวด กอนหิน และหินกอนใหญ ๆ
เล็กนอย
1.1.2.2 กน : กอนหิน หินกอนใหญกวาขอแรก
1.2 ทาม
1.2.1 ทุงหญา ไมมีพุมไม
1.2.1.1 หญาสั้น
1.2.1.2 หญายาว
1.2.2 พื้นที่เพาะปลูก
1.2.2.1 ไมมีพืช
1.2.2.2 พืชเปนแถวที่แก
1.2.2.3 พืชไรที่แก
0.025
0.030
0.033
0.035
0.040
0.045
0.050
0.075
0.030
0.040
0.025
0.030
0.020
0.025
0.030
0.030
0.035
0.040
0.045
0.048
0.050
0.070
0.100
0.040
0.050
0.030
0.035
0.030
0.035
0.040
0.033
0.040
0.045
0.050
0.055
0.060
0.080
0.150
0.050
0.070
0.035
0.050
0.040
0.045
0.050
9
ชนิดและลักษณะทางน้ํา ต่ําสุด ปาน
กลาง
สูงสุด
1.2.3 ไมพุม
2.2.3.1 ไมพุมกระจัดกระจาย วัชพืชขึ้นหนา
1.2.4 ตนไม
1.2.4.1 พื้นที่วางเปลามีตอไมไมมีหนอ
1.2.4.2 เหมือนขอ 2.2.4.1 แตมีหนอมาก
1.2.4.3 มีไมยืนตนมาก มีไมลมเล็กนอย ตนเล็กมีเล็กนอย
ระดับน้ําต่ํากวากิ่งกาน
1.2.4.4 เหมือนขอ 2.2.4.3 แตระดับน้ําถึงกิ่งกาน
1.3 ลําน้ําหลัก ( ผิวน้ําเมื่อเกิดอุทกภัยกวาง 100 ฟุต ) คานอย
กวาลําน้ํายอยที่มีลักษณะเหมือนกัน
1.3.1 รูปตัดสม่ําเสมอ ไมมีกอนหินหรือไมพุม
1.3.2 ไมสม่ําเสมอ และรูปตัดขรุขระ
0.035
0.030
0.050
0.080
0.100
0.025
0.035
0.050
0.040
0.060
0.100
0.120
0.070
0.050
0.080
0.120
0.160
0.060
0.100
ที่มา : Bruce R. el al., “ Fundamentals of Fluid Mechanics ” , Iowa State University.
Ames, Iowa, USA, 1990, 843 pp.
10
ตัวอยางการคํานวณ
รูปตัดขวางลําน้ําที่แนวสํารวจของสถานี K.60 บานกุยมั่ง
รูปถายแนวสํารวจของสถานี K.60 บานกุยมั่ง
ตัวอยางการคํานวณพื้นที่รูปตัดขวางและเสนขอบเปยก จากจุดสํารวจฯจริที่สํารวจไดในระดับสูงสุด
ตัวอยางการคํานวณพื้นที่รูปตัดขวางและเสนขอบเปยก จากระดับน้ําสูงสุด (Peak)
ตัวอยาง การตรวจสอบพื้นที่รูปตัดขวางและเสนขอบเปยก ที่คํานวณไดของระดับสูงสุด (Peak)
Manning
ตัวอยาง การลงจุดแมนนิ่งที่คํานวณไดของระดับสูงสุด (Peak)